วนเกษตร (Agroforesty farming)
เป็นเกษตรกรรมที่นำเอาหลักการความยั่งยืนถาวรของระบบป่าธรรมชาติ มาเป็นแนวทางในการทำการเกษตร ให้ความสำคัญเป็นอย่างสูงกับการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผล และไม้ใช้สอยต่าง ๆ ให้เป็นองค์ประกอบหลักของไร่นา ผสมผสานกับการปลูกพืชชั้นล่างที่ไม่ต้องการแสงแดดมาก หรือได้อาศัยร่มเงา และความชื้นจากการที่มีพืชชั้นบนขึ้นปกคลุม รวมทั้งการจัดองค์ประกอบการผลิตทางการเกษตรให้มีความหลากหลายชนิดของพืชและสัตว์
คำว่า “วนเกษตร” ถูกใช้มาก่อนหน้านี้ โดยนักวิชาการและหน่วยงานด้านป่าไม้ โดยให้ความหมายที่มีนัยของการทำป่าไม้ผสมผสานร่วมกับการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้ วนเกษตรเป็นที่รู้จักกว้างขวางในสังคมไทย จากการบุกเบิกของผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม เมื่อปลายทศวรรษที่ 2520 อันเนื่องมาจากประสบการณ์ชีวิตที่ประสบกับปัญหาความล้มเหลวจากการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวในเชิงพาณิชย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ท่านตัดสินใจขายที่ดินส่วนใหญ่ เพื่อนำไปชำระหนี้สิน แล้วใช้พื้นที่เล็ก ๆ ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ไร่ แปรสภาพไร่มันสำปะหลังเป็นระบบวนเกษตร ปลูกไม้ยืนต้น และพืชสมุนไพรผสมผสานกัน และมีวิถีชีวิตที่พึ่งตนเองได้
ปรัชญาและประสบการณ์ชีวิตของเกษตรกรท่านนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้เกิดแนวความคิดเกษตรกรรมทางเลือก เกษตรกรรมยั่งยืนในสังคมไทยต่อมา (1)
หลักการของ "วนเกษตร"
ระบบวนเกษตร หมายถึง การทำการเกษตรในพื้นที่ป่า เช่น การปลูกพืชเกษตรแซมในพื้นที่ป่าธรรมชาติ การนำสัตว์ไปเลี้ยงในป่า การเก็บผลผลิตจากป่ามาใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และการใช้พื้นที่ป่าทำการเพาะปลูกในบางช่วงเวลาสลับกับการปล่อยให้ฟื้นคืนสภาพกลับไปเป็นป่า รวมถึงการสร้างระบบเกษตรให้มีลักษณะเลียนแบบระบบนิเวศป่าธรรมชาติ คือ มีไม้ยืนต้นหนาแน่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ระบบมีร่มไม้ปกคลุม และมีความชุ่มชื่นสูง บางพื้นที่มีชื่อเรียกเฉพาะ ตามลักษณะความโดดเด่นของระบบนั้นๆ
การเกษตรรูปแบบนี้ส่วนใหญ่พบในชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับพื้นที่ป่าธรรมชาติ เกษตรกรจะทำการผลิตโดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ป่าเดิม เช่น ไม่โค่นไม้ป่า หรือ การนำผลผลิตมาจากป่ามาใช้ประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ รูปแบบเกษตรที่พบ เช่น การทำสวนเมี่ยง (ชา) สวนมะแขว่น ต๋าว ปอสา ก๋ง ฯลฯ ในภาคเหนือ การทำสวนดูซง สวนทุเรียน มังคุด ลองกอง สะตอ เหรียง ฯลฯ ในภาคใต้ (2)
วนเกษตรเป็นแนวคิดและทางเลือกปฏิบัติทางการเกษตรแบบหนึ่งซึ่งรูปแบบจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น และสภาพพื้นที่ โดยสามารถแบ่งเป็นหลายประเภท ดังนี้ (3)
1. วนเกษตรแบบบ้านสวน มีต้นไม้และพืชผลหลายชั้นความสูง โดยปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น สมุนไพร และพืชผักสวนครัวในบริเวณบ้าน
2. วนเกษตรที่มีต้นไม้แทรกในไร่นาหรือทุ่งหญ้า เหมาะกับพื้นที่ซึ่งมีลักษณะสูงๆ ต่ำๆ โดยปลูกต้นไม้เสริมในที่ไม่เหมาะสมกับพืชผล เช่น ที่เนินหรือที่ลุ่มน้ำขัง และปลูกพืชในที่ราบหรือที่สม่ำเสมอ
3. วนเกษตรที่มีต้นไม้ล้อมไร่นา เหมาะกับพื้นที่ไร่นา ซึ่งมีลมแรงพืชผลได้รับความเสียหายจากลมพายุอยู่เสมอ จึงต้องปลูกต้นไม้เพิ่มความชุ่มชื้น บังแดดบังลมให้กับผลที่ต้องการร่มเงาและความชื้น
4. วนเกษตรที่มีแถบต้นไม้และพืชผลสลับกัน เหมาะกับพื้นที่มีความลาดชันเป็นแนวยาวน้ำไหลเซาะหน้าดินมาก แถบต้นไม้ซึ่งปลูกไว้สองถึงสามแถวสลับกับพืชผลเป็นช่วงๆ ขวางความลาดชันจะช่วยรักษาหน้าดิน และในระยะยาวจะทำให้เกิดขั้นบันไดดินแบบธรรมชาติให้กับพื้นที่สำหรับแถบพืช อาจมีความกว้าง 5-20 เมตร ตามความเหมาะสมของพื้นที่
5. วนเกษตรใช้พื้นที่หมุนเวียนปลูกไม้ยืนต้น พืชผล และเลี้ยงสัตว์ เหมาะกับพื้นที่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่พอที่จะปลูกพืชผลเป็นแปลงหมุนเวียน โดยมีแปลงไม้ยืนต้นร่วมกับการเลี้ยงสัตว์แบบหมุนเวียนเพื่อฟื้นฟูดิน
เกษตรกรต้นแบบของวนเกษตร (4)
“ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม” เป็นต้นแบบของระบบวนเกษตร จากที่เคยทำเกษตรสายหลัก ที่ตอบสนองต่อการเติบโตทางธุรกิจ แต่กลับทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำลง ผู้ใหญ่วิบูลย์ปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรยั่งยืน เพื่อให้ตนเองอยู่รอด สภาพแวดล้อมอยู่ได้ จนถึงบัดนี้เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
ผู้ใหญ่วิบูลย์ระบุว่าในอดีตครอบครัวไม่สามารถพึ่งตัวเอง ไม่มีเงินใช้ ไม่มีอาหารกิน ช่วงแรกก็ค่อยๆ ปลูกของกินเล็กๆ น้อยๆ ยกตัวอย่างเช่นผักบุ้ง เมื่อกินไม่หมดก็เอาไปขาย ได้เงินมา 30 กว่าบาท ทำให้เกิดสติคิดได้ว่าที่เงินเหลือเพราะไม่มีรายจ่าย เปรียบเทียบกับแต่ก่อนทำไร่มา 20 ปี ถึงจะได้เงินมากแต่ไม่เคยเหลือ จึงสรุปได้ว่า ทำอะไรก็ตาม ถ้าไม่มีรายจ่าย ถึงแม้จะได้น้อยแต่เราก็เหลือ ถ้ายิ่งได้มากก็เหลือมาก
แนวคิดของผู้ใหญ่วิบูลย์คือหาวิธีทำงานให้น้อยลง แต่ให้มีกินเหมือนเดิม และมีกินต่อไปแม้ว่าอายุจะมากขึ้นจนทำงานไม่ไหว จึงปลูกไม้ที่ปลูกเพียงครั้งเดียวแต่มีกินได้ตลอด เช่น ไม้ผล หรือผักพื้นบ้านที่แตกยอดใหม่ให้กินได้เรื่อยๆ เลือกปลูกชนิดที่ชอบกินเป็นหลัก นอกจากนี้ยังปลูกไม้ใช้สอยเพื่อจะได้ไม่ต้องไปตัดไม้ในป่าและเป็นการสะสมทุนอีกทางหนึ่ง จนถึงทุกวันนี้ผู้ใหญ่วิบูลย์มีไม้ใช้สอย 300 กว่าต้น แต่ละต้นมีมูลค่ามากกว่าหมื่นบาท รวมแล้วมีพืชพรรณต่างๆ ในพื้นที่มากกว่า 600 ชนิด ทั้งพืชผักพื้นบ้าน ไม้ผล ไม้ใช้สอยทั่วไป และไม้เนื้อแข็งต่างๆ เรียกว่า วนเกษตร ซึ่งสามารถเป็นหลักประกันความมั่นคงให้แก่ชีวิต
หมายเหตุ
(1) คัดลอกและเรียบเรียง จากหนังสือ เกษตรกรรมยั่งยืน วิถีเกษตรเพื่อความเป็นไท ; สมัชชาเกษตรกรรมทางเลือกครั้งที่ 3; มหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืน: ฟื้นฟูวิถีชีวิตไท เพื่ออธิปไตยของชาติ.
(2) คัดลอกและเรียบเรียง จากหนังสือ รูปแบบและเทคนิคเกษตรยั่งยืน : องค์ความรู้และประสบการณ์จากเกษตรกรในพื้นที่โครงการนำร่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อย; ไพบูลย์ เฮงสุวรรณ และคณะ; สมัชชาเกษตรกรรมทางเลือกครั้งที่ 3; มหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืน: ฟื้นฟูวิถีชีวิตไท เพื่ออธิปไตยของชาติ.
(3) คัดลอกและเรียบเรียง จากหนังสือ ผู้ใหญ่วิบูลย์ กับ การเรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเองและพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน; ฉันทนา บรรพศิริโชติ และคณะ; ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนป่าตะวันออก (วนเกษตร).
(4) คัดลอกและเรียบเรียง จากหนังสือ เกษตรกรรมยั่งยืน : หลากหลายมุมมองส่องทางเกษตรกรรมไทย; สมัชชาเกษตรกรรมทางเลือกครั้งที่ 3; มหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืน: ฟื้นฟูวิถีชีวิตไท เพื่ออธิปไตยของชาติ.
เป็นเกษตรกรรมที่นำเอาหลักการความยั่งยืนถาวรของระบบป่าธรรมชาติ มาเป็นแนวทางในการทำการเกษตร ให้ความสำคัญเป็นอย่างสูงกับการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผล และไม้ใช้สอยต่าง ๆ ให้เป็นองค์ประกอบหลักของไร่นา ผสมผสานกับการปลูกพืชชั้นล่างที่ไม่ต้องการแสงแดดมาก หรือได้อาศัยร่มเงา และความชื้นจากการที่มีพืชชั้นบนขึ้นปกคลุม รวมทั้งการจัดองค์ประกอบการผลิตทางการเกษตรให้มีความหลากหลายชนิดของพืชและสัตว์
คำว่า “วนเกษตร” ถูกใช้มาก่อนหน้านี้ โดยนักวิชาการและหน่วยงานด้านป่าไม้ โดยให้ความหมายที่มีนัยของการทำป่าไม้ผสมผสานร่วมกับการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้ วนเกษตรเป็นที่รู้จักกว้างขวางในสังคมไทย จากการบุกเบิกของผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม เมื่อปลายทศวรรษที่ 2520 อันเนื่องมาจากประสบการณ์ชีวิตที่ประสบกับปัญหาความล้มเหลวจากการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวในเชิงพาณิชย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ท่านตัดสินใจขายที่ดินส่วนใหญ่ เพื่อนำไปชำระหนี้สิน แล้วใช้พื้นที่เล็ก ๆ ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ไร่ แปรสภาพไร่มันสำปะหลังเป็นระบบวนเกษตร ปลูกไม้ยืนต้น และพืชสมุนไพรผสมผสานกัน และมีวิถีชีวิตที่พึ่งตนเองได้
ปรัชญาและประสบการณ์ชีวิตของเกษตรกรท่านนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้เกิดแนวความคิดเกษตรกรรมทางเลือก เกษตรกรรมยั่งยืนในสังคมไทยต่อมา (1)
หลักการของ "วนเกษตร"
ระบบวนเกษตร หมายถึง การทำการเกษตรในพื้นที่ป่า เช่น การปลูกพืชเกษตรแซมในพื้นที่ป่าธรรมชาติ การนำสัตว์ไปเลี้ยงในป่า การเก็บผลผลิตจากป่ามาใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และการใช้พื้นที่ป่าทำการเพาะปลูกในบางช่วงเวลาสลับกับการปล่อยให้ฟื้นคืนสภาพกลับไปเป็นป่า รวมถึงการสร้างระบบเกษตรให้มีลักษณะเลียนแบบระบบนิเวศป่าธรรมชาติ คือ มีไม้ยืนต้นหนาแน่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ระบบมีร่มไม้ปกคลุม และมีความชุ่มชื่นสูง บางพื้นที่มีชื่อเรียกเฉพาะ ตามลักษณะความโดดเด่นของระบบนั้นๆ
การเกษตรรูปแบบนี้ส่วนใหญ่พบในชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับพื้นที่ป่าธรรมชาติ เกษตรกรจะทำการผลิตโดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ป่าเดิม เช่น ไม่โค่นไม้ป่า หรือ การนำผลผลิตมาจากป่ามาใช้ประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ รูปแบบเกษตรที่พบ เช่น การทำสวนเมี่ยง (ชา) สวนมะแขว่น ต๋าว ปอสา ก๋ง ฯลฯ ในภาคเหนือ การทำสวนดูซง สวนทุเรียน มังคุด ลองกอง สะตอ เหรียง ฯลฯ ในภาคใต้ (2)
วนเกษตรเป็นแนวคิดและทางเลือกปฏิบัติทางการเกษตรแบบหนึ่งซึ่งรูปแบบจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น และสภาพพื้นที่ โดยสามารถแบ่งเป็นหลายประเภท ดังนี้ (3)
1. วนเกษตรแบบบ้านสวน มีต้นไม้และพืชผลหลายชั้นความสูง โดยปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น สมุนไพร และพืชผักสวนครัวในบริเวณบ้าน
2. วนเกษตรที่มีต้นไม้แทรกในไร่นาหรือทุ่งหญ้า เหมาะกับพื้นที่ซึ่งมีลักษณะสูงๆ ต่ำๆ โดยปลูกต้นไม้เสริมในที่ไม่เหมาะสมกับพืชผล เช่น ที่เนินหรือที่ลุ่มน้ำขัง และปลูกพืชในที่ราบหรือที่สม่ำเสมอ
3. วนเกษตรที่มีต้นไม้ล้อมไร่นา เหมาะกับพื้นที่ไร่นา ซึ่งมีลมแรงพืชผลได้รับความเสียหายจากลมพายุอยู่เสมอ จึงต้องปลูกต้นไม้เพิ่มความชุ่มชื้น บังแดดบังลมให้กับผลที่ต้องการร่มเงาและความชื้น
4. วนเกษตรที่มีแถบต้นไม้และพืชผลสลับกัน เหมาะกับพื้นที่มีความลาดชันเป็นแนวยาวน้ำไหลเซาะหน้าดินมาก แถบต้นไม้ซึ่งปลูกไว้สองถึงสามแถวสลับกับพืชผลเป็นช่วงๆ ขวางความลาดชันจะช่วยรักษาหน้าดิน และในระยะยาวจะทำให้เกิดขั้นบันไดดินแบบธรรมชาติให้กับพื้นที่สำหรับแถบพืช อาจมีความกว้าง 5-20 เมตร ตามความเหมาะสมของพื้นที่
5. วนเกษตรใช้พื้นที่หมุนเวียนปลูกไม้ยืนต้น พืชผล และเลี้ยงสัตว์ เหมาะกับพื้นที่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่พอที่จะปลูกพืชผลเป็นแปลงหมุนเวียน โดยมีแปลงไม้ยืนต้นร่วมกับการเลี้ยงสัตว์แบบหมุนเวียนเพื่อฟื้นฟูดิน
เกษตรกรต้นแบบของวนเกษตร (4)
“ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม” เป็นต้นแบบของระบบวนเกษตร จากที่เคยทำเกษตรสายหลัก ที่ตอบสนองต่อการเติบโตทางธุรกิจ แต่กลับทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำลง ผู้ใหญ่วิบูลย์ปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรยั่งยืน เพื่อให้ตนเองอยู่รอด สภาพแวดล้อมอยู่ได้ จนถึงบัดนี้เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
ผู้ใหญ่วิบูลย์ระบุว่าในอดีตครอบครัวไม่สามารถพึ่งตัวเอง ไม่มีเงินใช้ ไม่มีอาหารกิน ช่วงแรกก็ค่อยๆ ปลูกของกินเล็กๆ น้อยๆ ยกตัวอย่างเช่นผักบุ้ง เมื่อกินไม่หมดก็เอาไปขาย ได้เงินมา 30 กว่าบาท ทำให้เกิดสติคิดได้ว่าที่เงินเหลือเพราะไม่มีรายจ่าย เปรียบเทียบกับแต่ก่อนทำไร่มา 20 ปี ถึงจะได้เงินมากแต่ไม่เคยเหลือ จึงสรุปได้ว่า ทำอะไรก็ตาม ถ้าไม่มีรายจ่าย ถึงแม้จะได้น้อยแต่เราก็เหลือ ถ้ายิ่งได้มากก็เหลือมาก
แนวคิดของผู้ใหญ่วิบูลย์คือหาวิธีทำงานให้น้อยลง แต่ให้มีกินเหมือนเดิม และมีกินต่อไปแม้ว่าอายุจะมากขึ้นจนทำงานไม่ไหว จึงปลูกไม้ที่ปลูกเพียงครั้งเดียวแต่มีกินได้ตลอด เช่น ไม้ผล หรือผักพื้นบ้านที่แตกยอดใหม่ให้กินได้เรื่อยๆ เลือกปลูกชนิดที่ชอบกินเป็นหลัก นอกจากนี้ยังปลูกไม้ใช้สอยเพื่อจะได้ไม่ต้องไปตัดไม้ในป่าและเป็นการสะสมทุนอีกทางหนึ่ง จนถึงทุกวันนี้ผู้ใหญ่วิบูลย์มีไม้ใช้สอย 300 กว่าต้น แต่ละต้นมีมูลค่ามากกว่าหมื่นบาท รวมแล้วมีพืชพรรณต่างๆ ในพื้นที่มากกว่า 600 ชนิด ทั้งพืชผักพื้นบ้าน ไม้ผล ไม้ใช้สอยทั่วไป และไม้เนื้อแข็งต่างๆ เรียกว่า วนเกษตร ซึ่งสามารถเป็นหลักประกันความมั่นคงให้แก่ชีวิต
หมายเหตุ
(1) คัดลอกและเรียบเรียง จากหนังสือ เกษตรกรรมยั่งยืน วิถีเกษตรเพื่อความเป็นไท ; สมัชชาเกษตรกรรมทางเลือกครั้งที่ 3; มหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืน: ฟื้นฟูวิถีชีวิตไท เพื่ออธิปไตยของชาติ.
(2) คัดลอกและเรียบเรียง จากหนังสือ รูปแบบและเทคนิคเกษตรยั่งยืน : องค์ความรู้และประสบการณ์จากเกษตรกรในพื้นที่โครงการนำร่องเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อย; ไพบูลย์ เฮงสุวรรณ และคณะ; สมัชชาเกษตรกรรมทางเลือกครั้งที่ 3; มหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืน: ฟื้นฟูวิถีชีวิตไท เพื่ออธิปไตยของชาติ.
(3) คัดลอกและเรียบเรียง จากหนังสือ ผู้ใหญ่วิบูลย์ กับ การเรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเองและพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน; ฉันทนา บรรพศิริโชติ และคณะ; ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนป่าตะวันออก (วนเกษตร).
(4) คัดลอกและเรียบเรียง จากหนังสือ เกษตรกรรมยั่งยืน : หลากหลายมุมมองส่องทางเกษตรกรรมไทย; สมัชชาเกษตรกรรมทางเลือกครั้งที่ 3; มหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืน: ฟื้นฟูวิถีชีวิตไท เพื่ออธิปไตยของชาติ.